ค้นหาสมุนไพร  
     
   
   
   
     
 
   
eherb ผลการค้นหา หนามแน่แดง,รางจืด, รางจืดแดง
หนามแน่แดง,รางจืด, รางจืดแดง
Thunbergia coccinea Wall. ex D. Don.
 
 
 
 
 
รายละเอียดทางพฤษศาสตร์
 
  วงศ์ Acanthaceae
 
  ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia coccinea Wall. ex D. Don.
 
  ชื่อไทย หนามแน่แดง,รางจืด, รางจืดแดง
 
  ชื่อท้องถิ่น - จอละดิ๊กเดอพอกวอ(กะเหรี่ยงเชียงใหม่), จอลอดิ๊กเดอพอกวอ(กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) - เหนอะตอนเมื่อย (เย้า-เชียงใหม่) ปังกะล่ะวอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) น้ำปู้ หนามแน่แดง (เชียงใหม่) เครือนกน้อย (เชียงใหม่) [11]
 
  ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ ไม้เถาพ้นเลื้อย ยาวได้ถึง 20 เมตร ลำต้นเป็นไม้เนื้อแข็ง รูปร่างทรงกระบอกเปลือกสีน้ำตาลอมแดงถึงน้ำตาลเข้ม แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก ปกคลุมต้นไม้อื่น
ใบ เดี่ยว ออกจากข้อของลำต้นหรือกิ่งเป็นคู่ตรงกันข้ามแบบเวียนรอบ ทิ้งระยะค่อนข้างห่างระหว่างข้อ ก้านใบค่อนข้างกลมยาว 1-3 ซม. ผิวเกลี้ยง ไม่มีขน แผ่นใบรูปไข่แกมใบหอกถึงรูปไข่แกมขอบขนาน ขนาดกว้าง 2.5-7.0 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบโค้งมน ป้านหรือเว้าลึกเล็กน้อย ขอบใบหยักคล้ายซี่เลื่อยหรือลูกคลื่นห่างๆ และไม่สม่ำเสมอ เนื้อใบค่อนไปทางบาง ผิวใบด้านบนเกลี้ยง สีเขียว ด้านล่างสีอ่อนกว่าและมักมีนวลสีขาวปกคลุม เส้นใบออกจากโคนใบ 5-7 เส้น
ดอก ออกเป็นช่อห้อยจากชอกใบในบริเวณปลายกิ่ง ช่อดอกยาวได้ถึง 2 เมตร ดอกย่อยสมบูรณ์เพศจำนวน 20-60 ดอกต่อช่อ เรียงตัวแบบเวียนรอบแกนช่อ ทิ้งระยะค่อนข้างห่าง มีใบประดับรูปไข่ปลาแหลมหรือมนเล็กน้อย สีส้มอมแดงถึงสีแดงอมม่วงหุ้มดอกเมื่อดอกตูม เมื่อเริ่มบานกลีบดอกสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้มโผล่ออกมาทางด้านล่างของใบประดับ กลีบเลี้ยงเล็กมากเป็นแถบเล็กๆ อยู่บริเวณโคนกลีบดอก กลีบดอกมีช่วงโคนเชื่อมกันเป็นท่อยาวประมาณเศษสองส่วนสามของความยาวของกลีบดอก ช่วงปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบบนสุดโตกว่ากลีบอื่นๆ และตั้งขึ้น กลีบที่เหลืออีก 4 กลีบมักพับลง ผิวด้านในของกลีบมีสีอ่อนกว่าด้านนอก เกสรเพศผู้ 4 อัน อยู่ลึกลงไปในท่อกลีบดอก ก้านเกสรนั้น รังไข่ 1 อัน ก้านเกสรสั้น
ผล เป็นฝักประเภทแห้งแตกได้ รูปไข่ยาว 5-8 มม. ปลายเป็นจะงอยยาวและแข็ง ภายในมีเมล็ดหลายเมล็ด [11]
 
  ใบ ใบ เดี่ยว ออกจากข้อของลำต้นหรือกิ่งเป็นคู่ตรงกันข้ามแบบเวียนรอบ ทิ้งระยะค่อนข้างห่างระหว่างข้อ ก้านใบค่อนข้างกลมยาว 1-3 ซม. ผิวเกลี้ยง ไม่มีขน แผ่นใบรูปไข่แกมใบหอกถึงรูปไข่แกมขอบขนาน ขนาดกว้าง 2.5-7.0 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบโค้งมน ป้านหรือเว้าลึกเล็กน้อย ขอบใบหยักคล้ายซี่เลื่อยหรือลูกคลื่นห่างๆ และไม่สม่ำเสมอ เนื้อใบค่อนไปทางบาง ผิวใบด้านบนเกลี้ยง สีเขียว ด้านล่างสีอ่อนกว่าและมักมีนวลสีขาวปกคลุม เส้นใบออกจากโคนใบ 5-7 เส้น
 
  ดอก ดอก ออกเป็นช่อห้อยจากชอกใบในบริเวณปลายกิ่ง ช่อดอกยาวได้ถึง 2 เมตร ดอกย่อยสมบูรณ์เพศจำนวน 20-60 ดอกต่อช่อ เรียงตัวแบบเวียนรอบแกนช่อ ทิ้งระยะค่อนข้างห่าง มีใบประดับรูปไข่ปลาแหลมหรือมนเล็กน้อย สีส้มอมแดงถึงสีแดงอมม่วงหุ้มดอกเมื่อดอกตูม เมื่อเริ่มบานกลีบดอกสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้มโผล่ออกมาทางด้านล่างของใบประดับ กลีบเลี้ยงเล็กมากเป็นแถบเล็กๆ อยู่บริเวณโคนกลีบดอก กลีบดอกมีช่วงโคนเชื่อมกันเป็นท่อยาวประมาณเศษสองส่วนสามของความยาวของกลีบดอก ช่วงปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบบนสุดโตกว่ากลีบอื่นๆ และตั้งขึ้น กลีบที่เหลืออีก 4 กลีบมักพับลง ผิวด้านในของกลีบมีสีอ่อนกว่าด้านนอก เกสรเพศผู้ 4 อัน อยู่ลึกลงไปในท่อกลีบดอก ก้านเกสรนั้น รังไข่ 1 อัน ก้านเกสรสั้น
 
  ผล ผล เป็นฝักประเภทแห้งแตกได้ รูปไข่ยาว 5-8 มม. ปลายเป็นจะงอยยาวและแข็ง ภายในมีเมล็ดหลายเมล็ด [11]
 
  สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ - ดอก นำไปประกอบอาหาร เช่น แกง(ลั้วะ)
- ใบและเครือ นำไปต้มหรือไม่ต้มก็ได้เอาน้ำที่อยู่ภายในลำต้นมาล้างตา แก้อาการเคืองตา ตาแดง เจ็บตา ดอกและผล นำมาตำพอกแผลที่โดนงูกัด ช่วยดูดพิษ(กะเหรี่ยงเชียงใหม่)
เครือ ต้มน้ำกินเวลาที่โดนพิษจากสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง แมงมุมพิษ มีฤทธิ์แรงกว่าจอลอดิ๊กเดอพอกวา(กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
- ชาวเขาเผ่าปะหล่องไทยใหญ่และพม่าใช้เถาอ่อนและใบต้มน้ำอาบเป็นยาแก้ไข้ เย้าใช้เถาต้มน้ำให้เด็กอาบแก้อาการเด็กนอนไม่หลับ
- นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ดอกประดับบ้าน ยาพื้นบ้านล้านนา ใช้รากผสมสมุนไพรอื่น เช่นรากพญาดง Persicaria chinensis ต้มน้ำดื่มแก้อาการปวดท้องน้อยของผู้ป่วยกามโรคยาพื้นบ้านใช้เถา รากและใบเป็นยาแก้พิษยาเบื่อ พิษยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้า เชื่อว่ามีฤทธิ์แรงกว่ารางจืด Thunbergia laurifolia [11]
 
  อ้างอิง เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
[11] สุธรรม อารีกุล, จำรัส อินทร, สุวรรณ ทาเขียวและอ่องเต็ง นันทแก้ว, 2551. องค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย เล่ม 3. มูลนิธิโครงการหลวง. อมรินทร์ พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), กรุงเทพฯ. 978 หน้า.
 
  สภาพนิเวศ -
 
  เอกสารประกอบ
 
ภาพนิ่ง